ร้องรพ.เอกชน รักษาผิด ทำตาบอด-ผิวเกิดแผลไหม้ทั้งตัว แพทย์ชี้เกิดได้จาก 2 สาเหตุ


สายไหมต้องรอด พา 2 ผู้เสียหาย แพ้ยาฉีดรักษาโรคจากรพ.เอกชน เกิดภาวะ ‘สตีเวนส์จอห์นสัน’ ทำสูญเสียการมองเห็น-แผลไหม้ทั้งตัว เข้าร้อง สธ. พร้อมขอหมอผู้เชี่ยวชาญรักษาอาการให้ปกติ

เมื่อวันที่ 9 กันยายน ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด พาผู้เสียหาย 2 ราย เข้าร้องเรียนต่อ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กรณีที่ผู้เสียหายได้รับผลกระทบจากการรักษาพยาบาลในโรงพยาบาล (รพ.) เอกชน 2 แห่ง จนทำให้สูญเสียการมองเห็น มีแผลพังผืดขึ้นตามผิวหนัง โดยมี นายกองตรี ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นผู้แทนรับเรื่องร้องเรียน

นายกองตรี ธนกฤต กล่าวว่า วันนี้ตนได้รับมอบหมายให้มารับเรื่องร้องเรียนจากเพจสายไหมต้องรอด ที่พาผู้เสียหาย 2 ราย จากเหตุการแพ้ยาที่ได้รับการรักษาใน รพ.เอกชน ทำให้สูญเสียการมองเห็น ซึ่งทั้ง 2 กรณีไม่ได้เกิดขึ้นจาก รพ.เอกชน แห่งเดียวกัน แต่ผู้เสียหายเข้ารับการรักษาในอาการเดียวกัน คือ มีไข้ และคาดว่าจะได้รับการฉีดยารักษาตัวเดียวกันด้วย และมีผลข้างเคียงเหมือนๆ กัน จึงมีข้อสงสัยว่า 1.ยาที่นำไปฉีดรักษาโรคนั้น มีมาตรฐานหรือไม่ 2.การรักษาเป็นไปตามเวชปฏิบัติหรือไม่ 3.มีการลงบันทึกการรักษาในเวชระเบียบของ รพ.เอกชน ทั้งสองแห่งอย่างไรบ้าง มีการบันทึกเรื่องการใช้ยาอย่างไร แต่ถ้ามีการแก้ไข ปลอมแปลงก็จะมีความผิดตามกฎหมาย และ 4.การช่วยเหลือเยียวยาจากทาง รพ.เอกชน ทั้งสองแห่ง ไปจนถึงการช่วยเหลือด้านการรักษาพยาบาลจะมีขั้นตอนอย่างไรบ้าง

นายกองตรี ธนกฤต กล่าวว่า สธ. ในฐานะกระทรวงฯ ที่ดูแลสุขภาพประชาชน ทาง รมว.สาธารณสุข ได้กำชับถึงเหตุการณ์นี้ว่าจะต้องดูแลผู้เสียหายทั้งสองราย โดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย 100% จึงสั่งการให้ รพ.พระนั่งเกล้า มารับตัวผู้เสียหายทั้ง 2 ราย ไปตรวจดวงตา ว่ามีความเสียหายอย่างไรบ้าง เนื่องจากผู้เสียหายรายแรกนั้น สูญเสียตาข้างซ้าย และตาข้างขวา มองเห็นได้เพียง 30% ส่วนผู้เสียหายอีกรายนั้น มองเห็นได้เพียง 70% แต่ทั้งสองรายมีแผลพังผืดที่ผิวหนังเหมือนกัน ซึ่งทาง สธ. ก็จะให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคผิวหนังเข้ามาดูแล อย่างไรก็ตาม ตนได้มอบหมายให้ ทพ.อาคม ประดิษฐสุวรรณ รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) พร้อมเจ้าหน้าที่กองกฎหมายเข้าตรวจสอบ รพ.เอกชน ทั้งสองแห่งในช่วงบ่ายของวันนี้ พร้อมให้ทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เข้าไปตรวจสอบเรื่องมาตรฐานยารักษาที่ใช้ฉีดให้กับผู้เสียหายทั้งสองราย โดยจะต้องนำตัวอย่างยาดังกล่าวส่งตรวจวิเคราะห์ที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ด้วย

ผู้เสียหายรายที่ 1 อายุ 31 ปี กล่าวว่า ตนมีอาการเริ่มต้นเป็นตาแดง และเจ็บคอ จึงได้ตัดสินใจไปพบแพทย์ใน รพ.เอกชน แห่งหนึ่งด้วยสิทธิการรักษาประกันสังคม แพทย์วินิจฉัยว่าเป็นต่อมทอนซิลอักเสบ จึงได้รับยารักษาชนิดฉีด เมื่อกลับบ้านเริ่มมีอาการมีไข้ ตัวสั่น มีตุ่มผื่นตามร่างกายไปจนถึงใบหน้าและปาก จากนั้น วันรุ่งขึ้นตนได้เข้าไปพบแพทย์ตามนัดฉีดยาเข็มที่ 2 ซึ่งแพทย์เห็นแล้วว่าผิดปกติจึงส่งไปพบแพทย์เฉพาะทาง โดยให้ความเห็นว่าเป็นการแพ้อะไรซักอย่าง จึงให้เข้ารักษาใน รพ. และได้รับยาชนิดฉีดเข็มที่ 2 วันถัดมา มีแพทย์ที่เป็นอาจารย์แพทย์ ให้ความเห็นว่าเป็นอีสุกอีใส ตนจึงแจ้งว่าเคยเป็นแล้วตอนเด็ก แพทย์จึงบอกว่าอาจเพราะภูมิคุ้มกันต่ำจึงกลับมาเป็นอีก แพทย์จึงทำการฉีดยารักษาให้ จากนั้น ตนก็มีอาการตาพร่ามัว มองไม่เห็น เข้าห้องไอซียูในคืนนั้น ทำการรักษาตั้งแต่วันที่ 21-26 มิถุนายน 2567 โดยแพทย์ทำการวินิจฉัยว่า ตนเป็นกลุ่มอาการสตีเวนส์จอห์นสัน (Stevens Johnson Syndrome) แพ้ในระดับ 10 อาการโคม่า จึงได้ส่งตนไปรักษาใน รพ.แห่งที่สอง

“ขั้นตอนรักษาใน รพ.แห่งที่สองนั้น แพทย์จะทำการลอกผิวหนังที่ตายแล้วทุกสัปดาห์ และพันด้วยผ้าก๊อซ ห้ามขยับตัว และ รพ.แห่งนี้แจ้งว่าตาเสี่ยงบอด ถ้าไม่ได้ใส่เยื่อหุ้มรกที่ตา แต่สิ่งที่เสียความรู้สึกคือ รพ.แห่งแรกได้ลืมนัดผ่าตัดใส่รกกับ รพ.แห่งที่สอง แม้จะเป็น รพ.กลุ่มเครือเดียวกัน แต่ก็ไม่ได้ทำการนัดหมายใส่รกตาให้ แต่ได้รับความอนุเคราะห์จาก รพ.แห่งที่สองดำเนินการไปซื้อรกที่สภากาชาดไทยและผ่าตัดให้” ผู้เสียหายกล่าว

โดยผู้เสียหายกล่าวต่อว่า การใช้ชีวิตของตนหลังจากสูญเสียการมองเห็นนั้น ต้องหยอดตาทุกชั่วโมง ไม่สามารถแยกแยะสีได้ เวลาเดินลงบันไดก็จะมองไม่เห็นความแตกต่างของขั้นบันได จึงต้องมีคนพยุงเดินตลอดเวลา เวลามองใครก็จะเห็นเป็นคน แต่ไม่เห็นหน้าตา ส่วนผิวแพทย์แจ้งว่าต้องรอดูอีก 6 เดือน และขอให้ไปรักษาเอง ทั้งนี้ ตนยังไม่ได้รับความเยียวยาจาก รพ.เอกชน ดังกล่าวเลย

ผู้เสียหายรายที่ 2 กล่าวว่า ตนมีอาการเริ่มต้นคือมีไข้สูง เจ็บคอ จึงไปพบแพทย์ใน รพ.เอกชนแห่งหนึ่ง ในวันที่ 30 กรกฎาคม 2567 จากนั้นแพทย์ตรวจหาไข้หวัดใหญ่แต่ไม่พบ โดยแพทย์แจ้งว่ามีการติดเชื้อ เลยฉีดยาให้ 1 เข็มและให้ยาฆ่าเชื้อก่อนกลับบ้าน เมื่อตื่นมาก็มีอาการเจ็บตา เจ็บช่องปาก ตนไม่ได้คิดว่าเพราะแพ้ยา ก็เลยกินยาตามปกติ เมื่อสายๆ มาเริ่มอาการแรงขึ้น หน้าเริ่มแดง มีตุ่ม 1 เม็ด และไข้สูงขึ้น เมื่อกลับไป รพ.เดิม ได้ส่งไปพบแพทย์ผิวหนัง และตรวจหาเชื้อเริมแต่ไม่พบเชื้อ ตนจึงให้ข้อสังเกตว่าอาจเกิดจากการแพ้ยาหรือไม่ ซึ่งแพทย์ระบุว่าไม่ใช่

“ต่อมาอาการเริ่มมากขึ้น เลยไป รพ.แห่งที่สอง แค่เห็นว่าไข้สูงมาก ก็วินิจฉัยว่าน่าจะแพ้ยา เลยให้แอดมิตทำการรักษาใน รพ.ดังกล่าวเลย” ผู้เสียหายกล่าว และว่า ตอนนี้ตนยังไม่ได้รับการติดต่อจาก รพ.เอกชนแห่งแรกเลย โดยสายตาของตนก็ยังไม่กลับมา 100% ทั้งยังมีแผลไหม้ครึ่งตัว และต้องถอดเล็บด้วย

พญ.จันทิรา แก้วสัมฤทธิ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการด้านการแพทย์ฉุกเฉิน รพ.พระนั่งเก้า กล่าวว่า สำหรับความเห็นในเบื้องต้นหาก ดูจากลักษณะอาการป่วยขณะนี้สาเหตุสามารถเกิดได้จากยาก็ได้ หรือจาโรคเช่น มะเร็ง หรือการติดเชื้อไวรัส/แบคทีเรีย ซึ่งอาจเกิดได้จากสาเหตุใดสาเหตุหนึ่ง โดยต้องมีการสอบสวนและแต่ละบุคคลอาจมีอาการแตกต่างไป โดยที่ผ่านมาก็พบผู้ป่วยในลักษณะเช่นนี้อยู่เรื่อยๆ

ด้าน นายเอกภพกล่าวว่า ผู้เสียหายทั้ง 2 ราย ไม่มีเจตนาที่จะมาเอาผิด รพ.เอกชน หรือเอาผิดแพทย์ที่ทำการรักษา เพราะเข้าใจว่าเป็นเหตุการไม่คาดคิด แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วทางผู้เสียหายก็มีความต้องการที่จะรักษาดวงตาและแผลที่ผิวหนัง รวมถึงต้องถอดเล็บด้วย ทำให้ตอนนี้ไม่สามารถประกอบอาชีพได้ และใช้ชีวิตลำบาก รวมถึงอยากให้ทาง รพ.เอกชน ทั้งสองแห่ง ได้เข้ามาพูดคุยถึงเรื่องการเยียวยา เพราะตั้งแต่เกิดเหตุขึ้นผู้เสียหายยังไม่ได้รับการติดต่อใดๆ จากทาง รพ.เอกชน ทั้งสองแห่ง กลายเป็นคนทุพพลภาพ ที่ต้องรักษาตัวเอง

ขณะที่ ทพ.อาคมกล่าวว่า บ่ายวันนี้กรม สบส.จะลงพื้นที่ตรวจสอบ รพ.เอกชน ทั้งสองแห่งเพื่อให้เกิดความชัดเจนและเป็นธรรม โดยจะตรวจสอบทั้งเครื่องมือทางการแพทย์ ยาที่ใช้รักษา และมาตรฐานการแพทย์ ส่วนเรื่องการรักษาผลข้างเคียงจากการรักษาพยาบาลของผู้เสียหายนั้น จะไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ขอให้สบายใจได้ว่ารัฐบาลจะดูแลผู้เสียหายอย่างดีที่สุด

ต่อมาเวลา 12.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รถพยาบาลจาก รพ.พระนั่งเกล้า ได้มารับผู้เสียหายทั้งสองราย เดินทางไปยัง รพ. เพื่อทำการตรวจรักษาดวงตาแล้ว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

QR Code

เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่

Line Image





Source link

Post a Comment

أحدث أقدم